วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หน่วยที่ 8

บทที่ 8
การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
ในปัจจุบันโลกของอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลให้เราได้ค้นหาอย่างมากมาย  ซึ่งจะมีเว็บไซต์ที่บรรจุข้อมูลไว้เพื่อให้เราเข้าไปค้นหา  แต่ถ้าเราต้องการพิมพ์ชื่อเว็บไซต์เหล่านั้นเพื่อเข้าไปค้นหาข้อมูลก็ทำให้เราต้องรู้ให้เราต้องรู้จัก  URL  ของเว็บไซต์ต่างๆ  เหล่านั้น  ทำให้ผู้ใช้ไม่สะดวกในการใช้งาน  จึงได้มีผู้สร้างโปรแกรมขึ้นโดยรวบรวมเว็บไซต์ต่าง ๆ  ไว้  โดยจัดไว้เป็นหมวดหมู่ของข้อมูลเหมือนกับห้องสมุดที่มีหนังสือมากมายก็จำเป็นที่จะต้องตั้งหมวดหมู่หนังสือเพื่อจะได้จัดหนังสือให้เป็นระเบียบตามหมวดหมู่  ผู้ที่เข้ามาใช้งานก็สามารถหาหนังสือตามหมวดหมู่ที่ตนเองต้องการได้ทันที  ซึ่งภายในหมวดหมู่นั้นก็จะมีหนังสือหลาย ๆ  เล่มให้เราเลือกเช่นเดียวกับการจัดหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่ได้รวบรวมไว้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น  โดยเลือกค้นหาตามหมวดหมู่  หรือ  หัวข้อเรื่องที่ตนเองสนใจได้โดยไม่ต้องรู้จัก  URL  ของเว็บไซต์นั้น  เพียงแต่เรากรอกคำหรือหัวเรื่องที่เราต้องการค้นหา  เว็บไซต์ต่าง ๆ  ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องในเรื่องเดียวกันก็จะแดสงออกมาวิธีนี้เป็นลักษณะของการใช้เครื่องมือช่วยในการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า  “เครื่องจักรค้นหา”  (Search Engines)
                เครื่องจักรค้น  (Search  Engines)  คือ  เครื่องมือ  หรือเว็บไซต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต  ในการค้นหาข้อมูลและข่าวสารในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
ประเภทของการค้นหาข้อมูล
การค้นหาข้อมูลอินเทอร์เน็ต  สามารถแบ่งตามลักษณะการทำงานได้  3  ประเภท  คือ
Search  Engine  การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง
                Search  Engine  เป็นเว็บไซต์ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรมช่วยในการค้นหาที่เรียกว่า Robot  ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ในฐานข้อมูลซึ่งการค้นหาข้อมูลรูปแบบนี้จะช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงกับความต้องการ  เพราะได้ระบุคำที่เจาะจงลงไป  เพื่อให้ Robot  เป็นตัวช่วยในการค้นหาข้อมูล  ซึ่งเป็นรูปแบบที่เป็นที่นิยมมาก  เช่น  www.google.co.th
Search  Directories  การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่
การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่โดยมีเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  โดขจัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลตามที่ต้องการได้โดยการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลจะจัดตามข้อมูลที่คล้ายกัน  หรือเป็นประเภทเดียวกัน  นำมารวบรวมไว้ในกลุ่มเดียวกน
                ลักษณะการค้นหาข้อมูลแบบ  Search  Directories   จะทำให้ผู้ใช้สะดวกในการเลือกข้อมูลที่ต้องการค้นหา  และทำให้ได้ข้อมูลตรงกับความต้องการ
                การค้นหาวิธีนี้มีข้อดีคือ  สามารถเลือกจากชื่อไดเร็กทอรีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหาและสามารถเลือกที่จะเข้าไปดูว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างได้ทันที  เช่น  www.sanook.com
Metasearch  การค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล
                เป็นลักษณะของการค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ  Search  Engine  ในเวลาเดียวกัน  เพราะเว็บไซต์ที่เป็น Metasearch  จะไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง  แต่จะค้นหาเว็บเพจที่ต้องการโดยวิธีการดึงจากฐานข้อมูลของ Search  Site  จากหลาย ๆ  แห่งมาใช้  แล้วจะแสดงผลให้เลือกตามต้องการ  เช่น  www.thaifind.com
การค้นหาโดยใช้  Search  Engine
                การใช้วิธีการค้นหาข้อมูลบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  สามารถแบ่งรูปแบบในการค้นหาออกเป็น  2  ลักษณะ  คือ
1. การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา  หรือที่เรียกว่า  “คีย์เวิร์ด”  (Keyword)
2. การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเรกทอรี  (Directories)
การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา
                วิธีการค้นหาข้อมูลในลักษณะนี้ก็คือ  การระบุคำที่ต้องการค้นหา  หรือที่เรียกว่า  “คีย์เวิร์ด” (Keyword)  โดยในเว็บไซต์ต่าง ๆ  ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลจะมีช่องเพื่อให้กรอกคำที่ต้องการค้นหาลงไป แล้วจำคำดังกล่าวไปค้นหาจากข้อมูลที่ได้จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของระบบ
วิธีการค้นหาข้อมูลแบบระบุคำที่ต้องการค้นหา  หรือคีย์เวิร์ด
                โดยจะเลือกเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลที่เรามักจะเรียกว่า  “เว็บไซต์สำหรับ  Search Engines  ซึ่งมีเว็บไซต์ต่าง ๆ  หลายเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านนี้  เช่น  www.google.co.th  การใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาข้อมูล  เราจะต้องพยายามระบุคำให้ชัดเจนเพื่อจะสามารถให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ  หรือให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราต้องการให้มากที่สุด
วิธีการปฏิบัติในการค้นหาข้อมูลแบบคีย์เวิร์ด  สามารถทำได้ดังต่อไปนี้  คือ
1. พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่เป็น  Search  Engine  ในช่อง  Address  เช่น  www.google.co.th
2. กรอกคำที่ต้องการค้นหาในช่องที่เว็บไซต์ได้กำหนดไว้
3.เว็บไซต์จะค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ  ที่มีคำที่เหมือนกับคำที่เราได้กรอกไว้ในช่องที่ต้องการค้นหาข้อมูล
4. คลิกเลือกเว็บไซต์ที่ต้องการ  เข้าไปค้นหารายละเอียดของข้อมูลต่อไป  ดังตัวอย่าง  เมื่อคลิกเลือกการศึกษา  Education  แล้วจะแสดงเว็บไซต์ของหัวข้อมเรื่องดังกล่าวออกมา
การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเร็กทอรี  (Directories)
                การให้บริการค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้เปรียบเสมือนเราเปิดเข้าไปในห้องสมุด  ซึ่งได้จัดหมวดหมู่ของหนังสือไว้แล้ว  และเราก็ได้เดินไปยังหมวดหมู่ของหนังสือที่ต้องการ  ซึ่งภายในหมวดใหญ่นั้น ๆ  ยังประกอบด้วยหมวดหมู่ย่อย ๆ  เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น  หรือแบ่งประเภทของข้อมูลให้ชัดเจน  เราก็จะสามารถเข้าไปหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการได้  แล้วก้เปิดเข้าไปอ่านนเนื้อหาข้างในของหนังสือเล่มนั้น ๆ  วิธีนี้จะช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น  มีเว็บไซต์มากมายที่ให้บริการการค้นหาข้อมูลในรูปแบบนี้ 
วิธีปฏิบัติในการค้นหาข้อมูลแบบไดเร็กทอรี่  สามารถทำได้ดับต่อไปนี้  คือ
1. พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่เป็น  Search  Engine  ในช่อง  Address  เช่น  www.sanook.com
2. เลือกหัวข้อเรื่องที่ต้องการค้นหาข้อมูล  เช่น  การศึกษา  จะแบ่งเป็นหัวข้อย่อย  ดังนี้ โรงเรียน,สถาบันอุดมศึกษา,สถาบันกวดวิชาและสอนพิเศษ,แนะแนวการศึกษา
3. เมื่อคลิกที่หัวข้อเรื่องย่อยที่ต้องการ  เช่น  สถาบันอุดมศึกษา
4. จะปรากฏหัวข้อเรื่องย่อยของสถาบันอุดมศึกษา  
ทำให้สามารถเลือกข้อมูลได้ตรงกับความต้องการได้มากที่สุดโดยทำให้ไม่เสียเวลาในการเลือกข้อมูล  เพราะได้จัดข้อมูลแบ่งเป็นกลุ่มข้อมูลย่อย ๆ 
5. นอกจากแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยของข้อมูลแล้วก็ยังมีการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ  เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกค้นหาข้อมูลอีกมากมาย
เทคนิคในการค้นคว้าข้อมูล
1. การใช้ภาษา  การค้นหาข้อมูลแบบคีย์เวิร์ด  สามารถค้นหาได้ทั้งภาษาไทย  และภาษาอังกฤษ  ซึ่งรูปแบบของภาษาไทยนั้นจะเป็นการเขียนประโยคที่ต่อเนื่อง  เช่น  ขนมไทย  ศิลปวัฒนธรรมไทย สมุนไพรไทย  เป็นต้น  แต่การค้นหาด้วยคำภาษาอังกฤษ  จะแตกต่างจากภาษาไทย  คือภาษาอังกฤษจะเป็นการแบ่งวรรคของคำ  เช่น  Thai  food  ซึ่งถ้าพิมพ์คำนี้แล้ว  ผลลัพธ์ที่ได้คือ  จะแสดงเว็บไซต์ที่มีคำว่า Thai  หรือ  Food  หรือ  Thai  food  ออกมาให้ทั้งหมดทำให้ได้รับข้อมูลมากมายเกินความต้องการ  แต่ถ้าต้องการให้คำว่า  Thai  food  เป็นข้อความเดียวกัน  ต้องพิมพ์คำดังกล่าวไว้ในเครื่องหมายคำพูด  (“  “)  เช่น  Thai  food  ซึ่งแปลว่าอาหารไทย  เมื่อให้เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลให้ก็จะแดสงเฉพาะเว็บไซต์ที่มีคำว่า  Thai food  เท่านั้น  ซึ่งจะทำให้ข้อมูลที่ต้องการแคบลง  ช่วยให้เราสามารถหาผลลัพธ์ที่ต้องการได้เร็วขึ้น
2. ควรบีบประเด็นให้แคบลง  หรือใช้คำให้ชัดเจน  ตรงประเด็นที่ต้องการผลลัพธ์ให้มากที่สุด  เพราะข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมาย  ถ้าเราสามารถระบุคำที่ชัดเจนและตรงประเด็นแล้ว จะเป็นหารกรองข้อมูลให้กับเราได้  ทำให้เราได้รับข้อมูลที่ตรงกับความต้องการชัดเจน  และสามารถหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว  เช่น  ถ้าต้องการค้นข้อมูลของอาหารไทยเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น  ควรที่จะกำหนดข้อความในการค้นหา  คือ  Thai  food  in  Thailand  จะเป็นการกรองข้อมูลให้เราได้ประเด็นที่แคบลง
3. การใช้คำที่มีความหมายเหมือนกันคำในภาษาอังกฤษมีหลาย ๆ  คำที่มีความหมายเหมือนกัน  เช่น  world  และ  earth  แปลว่า  “โลก”  ถ้าต้องการหาคำว่า  world  แล้วผลลัพธ์ที่ได้ไม่สามารถหาข้อมูลของคำนี้ได้  เราควรลองเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่มีความหมายเหมือนกัน
4. การใช้โอเปอเรเตอร์  หรือบูลีน  เมื่อต้องการเจาะจงในการค้นหาข้อมูล  ก็สามารถที่จะนำโอเปอเรเตอร์  หรือบูลีน  มาเป็นเครื่องมือช่วยในการค้นหาข้อมูลได้  เพื่อให้สามารถหาข้อมูลได้รวดเร็วและตรงกับความต้องการมากที่สุด  โอเปอเรเตอร์ที่ใช้  คือ  AND,  OR,  AND  NOT  และเครื่องหมาย  +,-
AND  “และ”  เช่น  computer  and  design  ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ข้อมูลที่ต้องมีทั้งคำว่า  computer และ  design  อยู่ด้วยกันเท่านั้น  จึงจะดึงข้อมูลนั้นมาแสดง
OR  “หรือ”  การใช้คำว่า  OR  ถ้ามีคำใดคำหนึ่งเพียงคำเดียวก็จะดึงข้อมูลนั้นมาแสดงให้  เช่น computer  or  design  คือ  จะมีแต่คำว่า  computer  หรือมีแต่คำว่า  design  หรือมีทั้งคำว่า  computer และ  design  ก็จะดึงข้อมูลนั้นมาแสดง  การใช้คำว่า  OR  ช่วนในการค้นหาข้อมูลนั้นทำให้ข้อมูลที่ได้รับมีของเขตกว้างมาก
AND  NOT  หรือ  NOT  เช่น  computer  and  not  design  หมายความว่า  “ให้ค้นหา  ข้อมูลที่มีคำว่า  computer  แต่ต้องไม่มีคำว่า  design  มาด้วย”  ฉะนั้นผลลัพธ์ที่ได้เมื่อใช้ข้อความนี้ในการค้นหาข้อมูลก็จะแดสงข้อมูลเฉพาะที่มีแต่คำว่าคอมพิวเตอร์เท่านั้น  ถ้าข้อมูลใดมีคำว่า  design  อยู่ด้วยจะไม่ดึงเอาข้อมูลนั้นมาแสดง
เครื่องหมาย  +  หมายความว่า  คำใดที่ตามหลังเครื่องหมายนี้จะต้องมีคำนั้นอยู่ในเว็บเพจนั้น เหมือนกับคำว่า  NOT
เช่น  +  computer  -  design  ข้อมูลที่จะแสดงออกมาจะต้องมีคำว่า  computer  แต่ไม่มีคำว่า design

รวมเว็บไซต์ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูล

          www.siamguru.com                     www.sanook.com
          http://www.google.co.th/          www.search.com
          www.thaihostsearch.com           www.catcha.co.th
          www.hotbot.com                         www.excite.com
          www.yahoo.com                         www.siam-search.com
         www.thaifind.com                       www.thai-index.com
         www.sansarn.com                        www.search.msn.com
         www.madoo.com                         www.allofthai.com 





แบบทดสอบท้ายบท บทที่  8

1.คำว่าเครื่องจักรค้นหาคือข้อใด
ก.SEARCH ENGINES
ข.ROBOT
ค.SEARCH DIRECTORIES
ง.SANOOK
2.การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ คือ
ก. SEARCH ENGINES
ข. SEARCH DIRECTORIES
ค.METASEARCH
ง.KEY SEARCH
3.การค้นหาข้อมูลแบ่งได้กี่ประเภท
ก.2ประเภท
ข.3ประเภท
ค.4ประเภท
ง.5ประเภท
4.การค้นหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลคือข้อใด
ก. SEARCH ENGINES
ข. SEARCH DIRECTORIES
ค.METASEARCH
ง.KEY SEARCH
5.การใช้งาน SEARCH ENGINES มีจุดประสงค์ใด
ก.หาข้อมูล
ข.สร้างเว็บไซต์
ค.นำเสนอข้อมูล
ง.ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
6.การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหาข้อมูลหมายถึง
ก.KEYWORD
ข.SEARCH
ค.METASEARCH
ง.SEARCH ENGINES
7.ข้อใดคือการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
ก. SEARCH ENGINES
ข. SEARCH DIRECTORIES
ค. METASEARCH
ง.ถูกทุกข้อ
8.เครื่องหมาย – คือข้อใด
ก. ค้นคว้าข้อมูล
ข.หาข้อมูล
ค.ลบข้อมูล
ง.เครื่องหมายนี้จะต้องไม่มีอยู่ในเว็บเพจนี้
9.เครื่องหมาย + คือข้อใด
ก.เครื่องหมายไม่มีอยู่ในเว็บ
ข.เพิ่มข้อมูล
ค.จะต้องมีคำนั้นในเว็บเพจ
ง.ผิดทุกข้อ
10.ถ้าต้องการจะพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่จะ Search ได้ในที่ใด
ก.ADDRESS
ข.DIRECTORIES
ค.URL
ง.ถูกทั้ง ก และ ค


เฉลย
1.ก  2.ข  3.ข  4.ค  5.ง  6.ก  7.ก  8.ง  9.ค  10.ง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น